“งานหลังการพิมพ์” เป็นกระบวนการที่ต้องทำหลังจากการพิมพ์ โดยทั่วไปงานพิมพ์จะยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ดีนัก จึงต้องผ่านกระบวนการหลังการพิมพ์ก่อน แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. การตกแต่งผิวชิ้นงาน 2. การขึ้นรูป 3. การทำรูปเล่ม 4. การบรรจุหีบห่อ
แน่นอนว่างานหลังพิมพ์จึงเป็นกระบวนการที่สำคัญไม่แพ้กว่ากระบวนการอื่นเลย ที่นิยมกันมากคือการเคลือบลามิเนต และการเคลือบยูวี ซึ่งเป็นงานหลังพิมพ์ประเภทตกแต่งผิวชิ้นงาน คนส่วนน้อยที่คลุกคลีกับงานพิมพ์ก็จะรู้ว่าการเคลือบลามิเนตกับเคลือบยูวีแตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับงานพิมพ์แบบไหน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้คลุกคลีงานพิมพ์มากนักก็จะไม่รู้ว่าแตกต่างกันยังไง ซึ่งเราจะไม่รู้เลยว่าวันไหนที่เราจะต้องใช้บริการงานพิมพ์ ดังนั้น เราไปดูกันว่าการเคลือบลามิเนตกับการเคลือบยูวีแตกต่างกันอย่างไร
“การเคลือบลามิเนต” ขั้นตอนง่ายๆ คือ ใช้กาวหรือความร้อนอัดฟิล์มแผ่นบางๆ ให้ติดบนผิวงานพิมพ์ สามารถเคลือบได้ทั้งสองด้านของงานพิมพ์ มีทั้งฟิล์มด้านและฟิล์มเงา แต่ที่นิยมกันมากจะเป็นการเคลือบลามิเนตด้านเสียส่วนใหญ่ ราคาการเคลือบจะคิดเป็นตารางนิ้ว ราคาถือว่าค่อนข้างสูง ข้อเสียอีกอย่างนึงคือไม่สามารถเคลือบลงบนกระดาษบางมากๆ ได้ แต่ข้อดีของการเคลือบลามิเนตจะช่วยเพิ่มมูลค่างานพิมพ์ให้ดูหรูมีระดับ ช่วยในเรื่องของการกันความชื้นหรือกันน้ำได้ดี เพราะฟิล์มที่ใช้มีคุณสมบัติป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ และการเคลือบลามิเนตช่วยเพิ่มความหนาและความแข็งแรงให้กับงานพิมพ์ได้ในระดับนึงเลย
“การเคลือบยูวี” มีขั้นตอนคือ ใช้น้ำมันยูวีอาบบนผิวงานพิมพ์ แล้วอบด้วยแสงยูวี สามารถเคลือบบนกระดาษบางมากๆ ได้ มีทั้งแบบด้านและแบบเงาเหมือนกัน แต่ที่นิยมกันจะเป็นการเคลือบยูวีเงา ส่วนการเคลือบยูวีด้านจะเห็นกันน้อยมากๆ เพราะเห็นไม่ชัดเท่ากับการเคลือบลามิเนตด้าน ดังนั้น เมื่อพูดถึงการคลือบยูวีคนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจกันว่าเป็นแบบเงานั่นเอง ลักษณะงานเคลือบยูวีที่ได้ก็จะเงามากๆ เงาแบบลื่นๆ เลื่อมๆ กำลังการผลิตสูง คือผลิตได้จำนวนมาก แต่ใช้เวลาเคลือบน้อย ราคาการเคลือบยูวีจึงถูกกว่าการเคลือบลามิเนต จะคิดเป็นแผ่น ยิ่งงานพิมพ์จำนวนมากราคาการเคลือบต่อแผ่นก็จะถูกลง เหมือนกับการพิมพ์งานระบบออฟเซตเลย แต่การเคลือบยูวีก็มีข้อเสียอยู่คือ งานพิมพ์จะมีกลิ่นเหม็น จึงห้ามใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารและยา
ตัวอย่างโบรชัวร์ที่ใช้การทำ Spot UV
งานหลังพิมพ์ที่นำการเคลือบลามเนตด้านมาใช้ร่วมกับ การยูวีเงาเฉพาะจุดหรือที่เรียกกันว่า “Spot UV” เป็นการเคลือบยูวีเฉพาะจุด ต่างกับการเคลือบยูวีที่จะเคลือบทั้งแผ่น ต้องมีอุปกรณ์ เช่น บล็อค หรือแม่แบบที่ออกแบบให้ได้ขนาดหรือสัดส่วนเฉพาะจุดที่ต้องการลงน้ำมันยูวี โดยทั่วไปจะนิยมเคลือบลามิเนตด้านก่อน แล้วจะ Spot UV ทับอีกครั้ง ช่วยให้สามารถเน้นส่วนที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นอักษรหรือรูปภาพที่ต้องการ เพิ่มความโดดเด่นให้งานพิมพ์มากขึ้นเลยทีเดียว
เมื่อรู้กันแล้วว่าการเคลือบลามิเนตและการเคลือบยูวีต่างกันยังไง ลักษณะงานที่ได้แตกต่างกันยังไง มีขั้นตอนแบบไหน ข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง เพียงเท่านี้เราก็สามารถนำมาประยุกต์ว่า งานพิมพ์ที่เราต้องการจะต้องผ่านการเคลือบไหม หากต้องเคลือบ เราก็จะรู้ว่าควรเลือกใช้การเคลือบลามิเนตหรือเคลือบยูวี เลือกให้ดี เลือกให้ถูกกับลักษณะงานพิมพ์ ไม่ว่าเราจะเสียเงินอีกเพียงเล็กน้อย แต่งานพิมพ์ที่ได้ก็จะมีลักษณะโดดเด่น หรู มีมูลค่า ตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ
ตัวอย่างปกหนังสือ ที่ใช้ Spot UV
ตัวอย่างงาน โบรชัวร์,นามบัตร ที่ใช้การเคลือบลามิเนตด้าน และ Spot UV ทับลงไปอีกครั้งหนึ่ง
This article was written by admin